วันอังคารที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2560

มิตรแท้ เป็นทั้งหมดของความสำเร็จในชีวิต




ชีวิตจะรุ่ง หรือ ร่วง ... เพื่อนเป็นเหตุผลทั้งหมด !
( ยาวหน่อยนะครับ, แต่อยากให้อ่านให้จบครับ ...
อย่างมาก/น้อย... 
จะได้ไม่งง ว่าตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตคนและบ้านเมือง)


พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสไว้ใน กัลยาณมิตรสูตร ว่า

“เอกธมฺโม  ภิกฺขเว พหูปกาโร  อริยสฺส อฏฺฐงฺคิกสฺส
มคฺคสฺส อุปฺปาทย ฯ กตโม เอกธมฺโม ฯ ยทิทํ กลฺยาณมิตฺตตา ฯ
กลฺยาณมิตฺตสฺเสตํ  ภิกฺขเว ภิกฺขุโน ปาฏิกงฺขํ อริยํ อฏฐงฺคิกํ
มคฺคํ ภาเวสฺสติ อริยํ อฏฐงฺคิกํ พหุลีกริสฺสติ

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมอันหนึ่งที่มีอุปการะมาก 
เป็นไปเพื่อการเกิดขึ้นแห่งอริยมรรค
อันประกอบด้วยองค์ 8  ธรรมอันหนึ่งเป็นไฉน คือ ความเป็นผู้มีกัลยาณมิตร
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  ภิกษุผู้มีกัลยาณมิตร 
พึงหวังได้ว่าจักเจริญในอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ 8
จักกระทำให้มาก ซึ่งมรรคอันประกอบด้วยองค์ 8 ”


ว่าภาษาบ้านก็คือ ...

การมีมิตรแท้ เราจะมีโอกาส
มีกำลังใจ มีกำลังปัญญา สามารถรักษาตัวเองให้มั่นคงอยู่ในเส้นทางของความดีงามถูกต้อง
คือ อริยมรรค 8 ประการ ซึ่งจะทำให้ชีวิตเราเจริญก้าวหน้าและประสบความสำเร็จ
ตามเป้าหมายชีวิต...ตั้งแต่เป้าหมายระดับต้น  ระดับกลาง และเป้าหมายสูงสุด ...
คือ สามารถกำจัดกิเลสเข้าสู่พระนิพพาน ได้ครับ 
( เราจะกลับมาทำความเข้าใจกับ อริยมรรคมีองค์ 8 กันอีกครั้งนะครับ )

เราสามารถสรุป ได้เลยครับว่า ...

มิตรแท้ ที่เป็นกัลยาณมิตร เป็นทั้งหมดของความสำเร็จของชีวิต

มิตรแท้ หรือ กัลยาณมิตร จึงไม่ได้หมายถึงเพียงแค่ เพื่อนดีทั่วๆไป
แต่หมายถึง บุคคลที่มีคุณสมบัติที่จะแนะ และนำ ชีวิตของเรา
ไปในเส้นทางที่ถูกต้อง ดีงาม และประสบความสำเร็จดังที่กล่าวไว้ในข้างต้น


ดังเช่นเรื่องราวของพระพุทธองค์ เอง 

เมื่อครั้ง เกิดเป็นพราหมณ์ชื่อ “โชติปาละ”
มีเพื่อนเป็นช่างปั้นหม้อชื่อ “ฆฏิการะ” 
ซึ่งได้ฟังธรรมจากพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า
แล้วเกิดความเลื่อมใส ได้ถือเอาพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง 
เมื่อตนได้พบหนทางสว่าง
และพบบุคคลผู้ประเสิรฐอย่างพระบรมศาสดาแล้ว ...

ฆฏิการะ  ก็มีใจปรารถนาดี อยากชวนโชติปาละ มาฟังธรรมจากพระพุทธองค์ด้วย
แต่แม้จะชักชวน เกลี้ยกล่อมแค่ไหน โชติปาละก็ไม่ยอมไปเฝ้าพระพุทธเจ้า
ทั้งนี้ เพราะโชติปาละเองนั้น เกิดในตระกูลพราหมณ์ ไม่มีความเลื่อมใสในพระรัตนตรัย
ในที่สุดเมื่อเห็นว่าแม้จะพยายามเท่าไหร่ โชติปาละก็ไม่ยอมไป

แต่ด้วยความหวังดีอย่างจริงใจต่อเพื่อน   
ฆฏิการะจึงตัดสินใจดึงมวยผมของโชติปาละ  เพื่อที่จะให้ไปเฝ้าพระพุทธองค์ให้ได้
โชติปาละ เห็นอย่างนั้น, ด้วยความเป็นผู้สั่งสมบุมาดี มีปัญญา
ก็ได้คิดว่า...น่าแปลกจริง ฆฏิการะเป็นแค่ช่างปั้นหม้อ 
แต่กล้าดึงมวยผมของเผ่าพันธุ์พระพรหม
ซึ่งเพื่อนคนนี้ไม่เคยทำอย่างนี้ เพราะมีแต่ความปรารถนาดีมาตลอด 
ไม่เคยชักชวนไปในทางที่ผิดการที่ฆฏการะ ลงมือดึงมวยผมถึงเพียงนี้  
แปลว่าการไปพบพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องเป็นสิ่งที่ดีแน่”

เมื่อคิดอย่างนั้น แทนที่โชติปาละจะโกรธ แต่กลับตกลงใจ
ไปเฝ้าพระพุทธองค์ กับ ฆฏิการะ  เมื่อได้ฟังธรรม และสนทนาธรรม
จากพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว โชติปาละ เกิดความเลื่อมใส
จึงออกบวชและประพฤติธรรมตลอดชีวิต


จบชาดก, พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสกับพระอานนท์ว่า
“เธออย่าคิดว่า ฆฏิการะ ช่างปั้นหม้อเป็นเราตถาคต 
โชติปาละพราหมณ์ต่างหากที่เป็นเราตถาคต”

-------------

เห็นไหมครับ ...
แม้พระองค์ได้รับการพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้านับพระองค์ไม่ถ้วน 
ได้ชื่อว่าเป็นนิยตโพธิสัตว์ คือ 
จะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตอย่างเที่ยงแท้แน่นอน
ยังต้องอาศัยกัลยาณมิตรคอยชี้แนะประคับประคอง 
เพื่อให้ไปถึงจุดหมายปลายทางอันสูงสุดของชีวิต

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงตรัสว่า ...

“ เรายังไม่เล็งเห็นธรรมอันอื่นแม้สักอย่างหนึ่ง 
ซึ่งจะเป็นเหตุให้อริยมรรค์ อันประกอบด้วยองค์ 8
ที่ยังไม่เกิด  ให้เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้ว ให้เจริญยิ่งๆ ขึ้นไป 
เหมือนความเป็นผู้มีกัลยาณมิตรเลย”

-------------


มองชีวิตเรา ... 
มีเพื่อนดีๆ ที่เรียกว่า กัลยาณมิตร แล้วหรือยัง ?
ที่จะคอยชี้แนะ ประคับประคองเรา
ให้สามารถตั้งตนอยู่ในเส้นทางแห่งความดี มีชีวิตที่เป็นสุข
ประสบความสำเร็จไปได้ตลอดรอดฝั่ง

มองสังคมบ้านเมืองเรา ... 
ได้เอาใจใส่ ให้ความสำคัญ กับ ผู้เป็นยอดกัลยาณมิตร หรือไม่ ?
ที่จะคอยแนะนำ เหตุผล หลักการ วิธีการ ในการพัฒนาชีวิตจิตใจของผู้คนในสังคม
ซึ่งเป็นพื้นฐานอันสำคัญของการพัฒนาบ้านเมืองในเรื่องต่างๆ
ให้ก้าวหน้าไปอย่างยั่งยืน  เป็นความเจริญไปพร้อมกันทั้งเศรษฐกิจ และ จิตใจ  

ชีวิตคน เมื่อขาดกัลยาณมิตร
บ้านเมือง เมื่อปฏิเสธ ธรรมของกัลยาณมิตร
ก็เสมือนโลก ที่ปราศจากดวงตะวัน !

เมืองไทย ได้ชื่อว่า เป็นเมืองพระพุทธศาสนา
เรียกว่า ... มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  มีพระธรรม มีพระสงส์ เป็น ยอดกัลยาณมิตร
ที่เลิศกว่าเมืองอื่นทั้งโลก  … แต่ความเจริญของบ้านเมืองกลับอ่อนด้อยกว่า
ในสภาพที่เสมือน ... ทัพพีไม่เคยรู้รสแกง  เด็กเลี้ยงโคที่ไม่เคยได้ดื่มน้ำนมโค


ซ้ำร้ายกว่านั้น ... สถานการณ์ปัจจุบันดูเหมือน...
ผู้ได้ชื่อว่าเป็นกัลยาณมิตรของมหาชน ของบ้านเมือง ...
กลับกำลังถูกเบียดเบียนทำลายเสียให้สิ้นไปจากแผ่นดินนี้ซะอีก !



อามิตตพุท!



ชาวศิวิไลซ์
8  สิงหาคม พ.ศ. 2560


1 ความคิดเห็น: