วันอังคารที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

อาหารชูกำลังบาป !



ทุกวันนี้, ที่ต้องกินสัตว์อื่น หมู  ไก่ วัว กุ้ง หอย ปู ปลา ...
สาระพัดที่จัดมีในท้องตลาด
ก็ว่าเป็นการพรากชีวิตผู้อื่นซึ่งเป็นบาปแก่ผู้ฆ่ามากโข อยู่แล้ว

แต่ก็ยังมีคนบางพวก  อุตสาห์เพิ่มความแรงของบาป
ด้วยการพยายามกินสัตว์อื่น  ด้วยวิธีการโหดร้ายเกินวิสัยปกติไปได้อีก !
ด้วยความเชื่อว่า อาหารนั้นๆ มีสรรพคุณบำรุงกำลังร่างกาย ต่างๆ นานา
ซึ่งความเชื่อเหล่านั้น...
ไม่มีผลรับรองในทางการแพทย์ หรือการพิสูจน์ในทางวิทยาศาสตร์
ว่ามีสรรพคุณอะไรพิเศษไปกว่าอาหารปกติทั่วไปเลย

หูฉลาม ... !


ล่าฉลาม ลากขึ้นมาตัดครีบ แล้วโยนตัวปลาที่ไร้ครีบลงไปในทะเล ...
แล้วอะไรต่อ... เลือดจากฉลามที่ถูกตัด ก็ไปเรียกเพื่อนฉลามตัวอื่น
ให้ว่ายเข้ามาสู่ความตายต่อไป ...
บนความตายอันทารุณของฉลามนับหลายสิบล้านตัวต่อปี
คุณค่า ซุปหูฉลาม  1  ถ้วย มีค่าเท่ากับ ไข่เป็ด 1  ฟอง !

 








อุ้งตีนหมี ...!
อาหารที่ต้องใช้ความพยายามในการฆ่า! อย่างทารุณโหดร้าย !
เพราะหมีไม่ได้ฆ่าง่ายๆ ยกตัวอย่างวิธีการฆ่าโชว์นักท่องเที่ยวก่อนทำเป็นอาหาร
หมีจะถูกจับใส่ถุง แล้วโยนลงไปในน้ำ กว่าจะตายก็ดิ้นรนทรมานเป็นพักใหญ่
จากนั้นจึงกรีดเอาเลือด และเอาอวัยวะอย่างอื่นไปทำอาหาร
และเป็นความเชื่อล้วนๆ เรื่องสรรพคุณว่าจะทำให้ร่างกายแข็งแรง เหมือนหมี



แต่ความจริงคือ! สารอาหารจาก อุ้งตีนหมี  ก็เป็นประเภทโปรตีนธรรมดา
เหมือนกับสารอาหารจากอุ้งตีนหมู !!! 


รังนก ...!
ฟังดูน่ารัก, แต่ความโหดร้ายไม่แพ้  2  รายการแรก
รังนกนางแอ่น  85 – 97 % เป็นน้ำลายนกนางแอ่น
3 – 15 % เป็นขนอ่อน ...
ซึ่งนกนางแอ่นจะสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่วางไข่ และเป็นที่อยู่ของลูกนก
แต่ยังไม่ทันที่จะได้ไข่  รังก็ถูกเก็บโดยคนใจร้าย !
นกนางแอ่นก็ต้องสร้างใหม่  แต่ก็ถูกขโมยรังไปอีก !
ว่ากันว่า...รังนก ที่มีสีแดงปน ถือเป็นสุดยอดของรังนก !
และแน่นอนราคาแพงลิ่ว!
แต่นั้น คือ รังนกที่สร้างขึ้นจากการถากคายน้ำลายที่แทบไม่เหลือแล้ว
และสิ่งที่ปนออกมาคือเลือด เพื่อที่พ่อแม่นกจะสร้างรังไว้รองรับลูกน้อย !
สำหรับความเชื่อที่ว่ารังนก มีสารอาหารพิเศษ มีคุณค่าต่อร่างกายนั้น
เป็นคุณสมบัติที่อาหาร  5  หมู่ สามัญธรรมดา ก็มีเช่นกัน !!!



... นี้,ยกตัวอย่างมา, ถ้าจะว่ากันทุกรายการ เกรงจะเศร้าสะเทือนใจหนักไปครับ ! 

ความพยายามในการฆ่า ในการทำลายมีมาก กำลังบาปก็แรงมาก !
บริโภคเพื่อชูกำลังร่างกาย  หรือ บริโภคเพื่อชูกำลังบาป !

สุขภาพคนเราจะดีได้  มีวิธีปฏิบัติง่ายๆ ไม่ต้องไปล้างผลาญชีวิตผู้อื่นปานนั้น !

ในเชิงกายภาพ ...
-          รับประทานอาหารปกติสามัญที่มีตามท้องตลาดให้ครบ 5 หมู่
หรือ ทุกวันนี้ก็มีอาหารเสิรมที่มีคุณภาพสูงซึ่งหาซื้อได้ทั่วไป
-          ออกกำลังกาย  พักผ่อนให้เพียงพอ  No Alcohol !
ฯลฯ

ในทางพุทธศาสตร์ คือ ศาสตร์ของผู้รู้ ท่านว่า ...   
-          ทำบุญให้ชีวิตสัตว์เป็นทาน เมื่อให้ชีวิต เราก็จะได้ชีวิต
(คืออายุยืน โรคภัยที่จะเบียดเบียนตัดรอนชีวิตก็ไม่มี) 
-          ถวายภัตตาหาร ... อานิสงส์แห่งบุญที่ทำ ...
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงแสดงไว้ชัด...คือ  ย่อมได้ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณ
--------------------------

 ดังเช่น ในสมัยพุทธกาล 

สามเณรติสสะ ได้รับพยากรณ์จากพระสารีบุตรเถระ ว่า...
จะมีชีวิตอยู่อีก 7  วัน, แต่สามเณรก็ไม่ได้หวาดหวั่น
ได้กราบขออนุญาตพระสารีบุตรเพื่อกลับบ้านไปโปรดบิดามารดา
ในระหว่างทาง ได้พบเห็นปลาน้อยใหญ่ในสระที่น้ำกำลังแห้งเขิน
และปลาเหล่านั้นกำลังจะตาย,  สามเณรจึงได้ช่วยชีวิตปลาเหล่านั้น
และระหว่างทางต่อมาก็ได้ช่วยปล่อยอีเก้งที่ติดบ่วงของนายพราน
ด้วยผลบุญที่สามเณรได้ช่วยชีวิตสัตว์ดังกล่าวให้พ้นจากความตาย
ด้วยจิตเมตตา ... ทำให้สามเณรหมดกรรมที่จะต้องหมดอายุขัย
แต่กลับมีอายุยืนยาวต่อไป  และยังมีผิวพรรณผ่องใสยิ่งขึ้นอีกด้วย


อีกประการหนึ่ง, 

การกินเนื้อสัตว์นั้นเป็นประเด็นที่ถ้าจะถกเถียงกันแล้ว  ไม่มีวันจบ
ว่า กิน หรือ ไม่กิน ! ดี หรือ ไม่ดี ! … 
( คือ ถ้าคนเรากินแค่ผักอย่างเดียว!แล้วแข็งแรงเหมือนเจ้าทุย ก็คงพอสู้นะฮะ! 
แต่มันไม่ใช่น่ะสิครับ ! ) ... 

ในกรณีนี้ ... พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงให้สติให้หลักไว้ อย่างนี้ครับว่า ...

เมื่อคนเรายังต้องกินเพื่อยังอัตตภาพให้อยู่ได้
และถ้าอาหารนั้นเป็นชีวิตของสัตว์อื่น
ให้ระลึกว่า ... เสมือนเราเป็นบิดา มารดา ที่ต้องกินเนื้อและเลือดของลูกตนเอง
เพื่อให้มีกำลังเดินทางข้ามหนทางอันกันดาร ไปให้ได้
(ศึกษาความรู้ได้ที่ : พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๖  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๘ สังยุตตนิกายนิทานวรรค)

อธิบายภาษาเราๆว่า ...
การกิน การบริโภคของคนเรา โดยเฉพาะ เนื้อ และ เลือด ของสัตว์อื่น ...
เราต้องเอากำลังเรี่ยวแรงที่ได้จากชีวิตผู้อื่น  มาทำความดี เอามาสร้างคุณค่า ทำคุณประโยชน์ให้เกิดขึ้นต่อตนเอง และผู้อื่น ด้วยทางกาย  ทางวาจา ทางใจ เพื่อให้เกิดเป็นกำลังบุญ กำลังบารมี
ที่จะเป็นกำลังในการเดินทางข้ามห้วงวัฏฏของความทุกข์
ไปสู่จุดหมายปลายทาง คือ พระนิพพาน

ไม่ใช่กินชีวิตผู้อื่น เพียงเพื่อเอาอร่อย สนุกสนาน มัวเมาในรสอาหารไปวันๆแล้วยังเอากำลังแรงที่ได้ ไปทำในสิ่งที่ไร้สาระ ไม่เกิดคุณค่าหรือประโยชน์ใดๆหรือ แย่กว่านั้นคือ เอากำลังที่ได้ไปทำชั่ว
ด้วยความคิดชั่ว คำพูดชั่ว และกระทำชั่ว ... แบบนี้ขาดทุนมหาศาล
-----------------------

โดยสรุปนะครับ  ถ้าหากอยากสุขภาพดี อายุยืน แข็งแรง สดใส  
ก็ให้หมั่นบำเพ็ญทาน  รักษาศีล  เจริญภาวนา
เพราะกุศลทั้ง 3  ประการนั้น  มีผลต่อ ความสุข ความเจริญ
ในชีวิตของเราอย่างครบถ้วนในทุกด้าน
ทั้งในเชิงกายภาพ และทางด้านจิตใจ ทั้งในปัจจุบัน และในอนาคต



ขอสรรพสัตว์ทั้งหลายจงเป็นผู้ไม่มีเวร และ ไม่มีภัยครับ
ชาวศิวิไลซ์
25  กรกฎาคม พ.ศ. 2560
-----------------------------





วันอังคารที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

ถอนรากความจน แก้ทุกข์ ข้ามชาติ!


ใครอยากเลิกจน! ฟังทางนี้!
( ส่วนใครอยากจะจนต่อ, ก็ไม่ว่ากัน เอาที่สบายใจ,
แต่อยากให้คิดดีๆ ก่อนจะตัดสินใจ! นะครับ, เพราะชีวิตมันไม่ได้มีชาติเดียว! )

สำหรับคนที่จุกกับความจน, และอยากจะจบกับชีวิตเจ็บๆจนๆ!
มาศึกษากันครับว่า...
สมัยพุทธกาล คนมีปัญญา แก้ไขปัญหาความยากจน กันยังไง


กรณีศึกษา : มหาทุคตะ ในสมัยพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า กัสสปะ





            สมัยนั้นมี มหาทุคตะ แปลว่า ชายผู้แสนยากจน หรือ  มหาจน!
วันหนึ่งมหาทุคตะผู้นี้ ได้รับการชักชวนจากบัณฑิตผู้หนึ่ง 
ให้ถวายทานแด่พระภิกษุสงฆ์สักรูปในสำนักของพระกัสสปะสัมมาสัมพุทธเจ้า 
เพื่อจะได้เป็นบุญกุศลเกื้อกูลให้มหาทุคตะพ้นจากความลำบากยากจน ในภายภาคหน้า
            มหาทุคตะ เมื่อทราบว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น 
และตนจะได้โอกาสถวายทานแด่พระสงฆ์แม้ 1  รูป  ก็สุดแสนยินดี  
จึงตั้งใจรับจ้างทำงาน แล้วนำเงินไปซื้อปลาตะเพียน มาทำข้าวคลุกปลาตะเพียน เพื่อถวายทาน
            เมื่อถึงวัน มหาทุคต ก็เดินทางไปรับพระภิกษุที่นิมนต์ไว้  
แต่ปรากฎว่า บัณฑิตที่มาชักชวนไม่ได้จดบันทึกเพราะเห็นว่านิมนต์ไว้รูปเดียว 
พระภิกษุสงฆ์ทั้งหมดเลยถูกคนอื่นนิมนต์ไปหมด  
แต่บัฒฑิตกล่าวว่า เหลือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านไปนิมนต์เองเถิด 
แต่ ณ ที่นั้น ท่ามกลาง พระราชา เศรษฐี ที่ต่างมารอนิมนต์พระพุทธเจ้า ...  
มหาทุคตะรู้สึกสิ้นหวังและเสียใจมาก
            กล่าวถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  พระองค์ทรงรู้ว่าจะสงเคราะห์ใคร เมื่อเสด็จออกมา  
พระพุทธองค์ทรงประทานบาตรให้แก่มหาทุคตะ ...
            ที่บ้านมหาทุคตะ ด้วยกำลังแห่งศรัทธาที่มหาทุคตะและครอบครัว 
มีจิตเลื่อมใสจะถวายทานอย่างยิ่ง ... ส่งผลถึง พระอินทร์ผู้ปกครองภพดาวดึงส์ 
ก็ต้องการมีส่วนในอานิสงส์มหาทานของ มหาทุคตะ ... 
พระอินทร์ ถึงกับแปลงกายลงมาช่วยภรรยามหาทุคตะปรุงข้าวคลุกปลากตะเพียน 
นั้นให้มีรสอร่อยระดับอาหารทิพย์ ...
            เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จมาถึง มหาทุคตะ ภรรยา และครอบครัว 
ก็ได้ถวายทานด้วยอาหารรสเลิศ  ด้วยใจที่ปลื้มปีติ
            พระพุทธองค์ เมื่อฉันเสร็จ ทรงแสดงธรรม อานิสงส์ของการถวายทาน 
ด้วยจิตที่เลื่อมใส ใน 3 กาล คือ ก่อนถวายทาน ขณะถวายทาน และหลังถวายทาน แล้วเสด็จกลับ
            มหาทุคตะ เมื่อส่งเสด็จพระพุทธองค์ถึงพระคันธกุฏีแล้ว  ก็กลับบ้าน ... 
ณ บัดนั้นเอง  รัตนชาติมหาศาลกองเป็นภูเขาท่วมบ้านของมหาทุคตะ 
ชนิดที่ว่า ภรรยาและลูกต้องออกมายืนดูอยู่ข้างนอก !
            ข่าวทราบถึงชาวเมือง และพระราชา,  พระราชาถามคนในเมืองว่า ...
มีใครที่มีทรัพย์มากกว่ามหาทุคตะคนนี้ไหม  เมื่อไม่มี,  
พระราชาก็ทรงแต่งมหาทุคตะให้เป็นมหาเศรษฐีประจำเมือง 
            แม้เมื่อได้สมบัติมหาศาล ได้เป็นมหาเศรษฐีแล้ว  
อดีตมหาทุคตะ ก็ไม่ประมาทในการดำเนินชีวิต  เขาตระหนักอย่างลึกซึ้งว่า  
ที่เขาชนะความยากจนมาได้ มีสมบัติใช้  ก็เพราะด้วยอำนาจของมหาทาน ที่เขาทำด้วยจิตที่เลื่อมใส ... 
ตั้งแต่นั้นมา  เขาก็หมั่นสั่งสมบุญ ด้วยการบำเพ็ญทานในบุญเขต และสงเคราะห์ผู้ที่ยากจน 
ตั้งใจรักษาศีล และเจริญภาวนา
            เขาตั้งใจประพฤติธรรมสม่ำเสมอ กระทั้งวาระสุดท้ายของชีวิต 

            ในชาติสุดท้าย ได้มาเกิดในสมัยพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน คือ
พระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า  ในตระกูลมหาเศรษฐีที่อุปัฏฐากพระสารีบุตร  
ชื่อ “บัณฑิต”  ได้ออกบวชตั้งแต่เยาว์วัย และได้บรรลุธรรม เป็นพระอรหันต์ ตั้งแต่ยังเป็นสามเณร

( อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท ปัณฑิตวรรคที่ ๖)

................

เห็นไหมครับว่า ... การให้ทาน ที่ถูกเนื้อนาบุญ  
เบื้องต้นนั้น คือ มีอานุภาพในการถอนรากขุดโคนความยากจน ชนิดสิ้นซากไม่เหลือเชื้อ!  
เบื้องกลางคือ เมื่อไม่ประมาท หมั่นประพฤติธรรม ชีวิตในท่ามกลางวัฏฏะ 
ก็เวียนว่ายอยู่แต่ใน สุคติภพ คือ เกิดใน มนุษย์โลก กับ เทวโลก ...
Program ทัวร์นรก ! ถูกรื้อออกจากผังชีวิตชนิด Uninstall Complete! … ตลอดไป !   
เป็นไงฮะ Set  Program ดีๆขึ้นได้ ... ชิวไป 3 โลก !
และเบื้องสูง คือ ในที่สุด ... หลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวง!  
เข้าสู่พระนิพพาน อันเป็นสุขอย่างยิ่ง นิรันดร !


คราวนี้, 
สำหรับคนที่ แบบว่า ... ก็เขาได้ถวายทานกับพระพุทธเจ้า !!!
ก็ไม่ยากครับท่าน ! …
ท่านก็แค่ลงทุน ตั้งเข็มทิศว่า ตายแล้ว เกิดอีกชาติใหม่
ต้องเกิดในยุค และ ในแผ่นดินเดียวกับ พระพุทธเจ้าให้ได้ !
ปักหมุดเกิดข้างวัดพระพุทธเจ้าพระองค์ใดในอนาคตไปเลย ! 
ก็แค่นั้นเองครับ !

แต่ถามว่าชาตินี้มาไม่ทัน ช้าไป 2500 กว่าปี! แล้วมันเลวร้าย เสียหายมากไหม, 
ไม่นะครับ! ยังทัน! และมีเวลาเหลือเฟือด้วย สำหรับคนที่ยังไม่ตาย!  
... พระพุทธเจ้า ท่านไม่อยู่ให้เราเห็น
แต่ พระพุทธศาสนา ของพระองค์ ยังอยู่  
พระธรรม คำสอนของพระองค์ยังอยู่
พระภิกษุสาวก ของพระองค์ยังอยู่ 
พระพุทธรูป สถูปเจดีย์ ศาสนาสถาน ...
ที่เมื่อเราแสดงความเคารพกราบไหว้ ถวายทาน ด้วยจิตเลื่อมใส 
แล้วเกิดอานิสงส์แก่เรา ยังมีอยู่


สิ่งสำคัญ,  ก็มาดูตัวเราครับว่า ...
เราได้ปล่อยให้โอกาสในชีวิตล่วงหายไป
ด้วยการเอาแต่จับผิด ครหา นินทา เข้าใจผิดพระ(หรือแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ) 
ดราม่า เห็นพวกสื่อมวลชนเขาว่า ก็เชื่อ ก็ว่าตามเขา ? ... 
อยู่ดีๆ ก็พลอยตกกระไดล้มละลายทางจิตวิญญาณ
ตกนรกหมกชีวิตอยู่กับทุกข์ทรมานไปอีกกี่กัปป์...ก็ไม่รู้ ฯลฯ
( เนี้ยะ เขาเรียก ซวยInnocent !) 

หรือ เราพิจารณาชีวิตตัวเองดีกว่าไหมครับว่า... 
เราพึ่งควรมีส่วนใน"พุทธภูมิ" ซึ่งเป็นเนื้อนาบุญอันเลิศ...อย่างไรดี! 
.......
ช่วยรักษา ทำนุบำรุง สืบสานอายุ พระพุทธศาสนา ของพระพุทธองค์
อานิสงส์ก็จะเป็นของเรา ที่จะเกื้อกูลให้ชีวิตเราพ้นจากความจน ความเจ็บ ความทุกข์
ของชีวิตในวัฏฏะ  ดีไหม! ... 

เกิดมาชาติหนึ่งได้ทำบุญกับพระพุทธเจ้า  
#มันดีข้ามชาติ ไม่ใช่ #ดีต่อใจ แค่ชาติเดียว! 



ใคร Share! ขอให้เลิกเจ็บเลิกจน! ^^ 
ชาวศิวิไลซ์
18  กรกฎาคม พ.ศ.2560



        


วันอังคารที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

ต้อนรับ "ศัตรู" อย่างแขกคนสำคัญ !



ประสบการณ์ครั้งหนึ่งที่น่าจดจำของ ลี กา ชิง
เหตุไฉนเขาจึงต้องต้อนรับ"คนที่เอาเปรียบตนมาตลอด"แบบ"แขกคนสำคัญ"
แล้วยังนำมาเป็นเรื่องราวในการสอนคนรุ่นต่อๆไป
ตอน ลี กา ชิง เริ่มทำธุรกิจใหม่ๆในฮ่องกง 
ได้มีการติดต่อขายเม็ดพลาสติกให้กับผู้นำเข้ารายหนึ่งในอังกฤษ 
ฝั่งนั้นเห็นว่านายลีอายุยังน้อย เป็นบริษัทเล็กๆ 
ไม่รู้เรื่องกฏเกณฑ์ต่างๆ หากรู้ก็ไม่มีอำนาจต่อรอง 
เลยหลอกนายลีว่า ด้วยกฏระเบียบของกรมศุลกากรที่นั่น 
สินค้าเกี่ยวกับพลาสติกเคมีทั้งหลายที่ส่งไปนั้น จะถูกเรียกเก็บเงินประกัน
โดยกรมศุลกากรเป็นจำนวนเงิน 30% ของราคาสินค้า
 เงินจะได้คืนจากกรมศุลกากรเมื่อ
ได้รับการอนุมัติหลังจากมีการพิสูจน์บางอย่างเรียบร้อยแล้ว
ลี กา ชิง รู้ว่านี่คือกลอุบายที่จะหลอกเก็บกักเงินของตนของผู้ซื้อ 
แต่ตนก็ไม่มีทางเลือกมากนัก 
แม้นกระนั้นก็ยังพอมีกำไรเหลือบ้างเล็กน้อย เลยต้องสงบปากสงบคำ 
รับข้อเสนอของฝั่งนั้นไปก่อน รอเวลาให้ตนค่อยๆเติบโตขึ้น

เมื่อพ่อค้าฝั่งอังกฤษเห็นว่านายลีข่มได้ง่าย เป็นไอ้โง่ในสายตาเขา 
นับจากปี 1950 ถึง 1957 รวม 7 ปีเต็ม 
เงินค่าประกันสักแดงก็ไม่เคยคืนมาให้นายลี 
หากรวมยอดเงินทั้งหมดที่โดนค้างชำระ 
ยังมากกว่าเงินทุนในบริษัทตนหลายเท่า 
เป็นภาระอันหนักหน่วงมากๆสำหรับบริษัทที่เพิ่งก่อตั้งได้ไม่นานอย่างของเขา
ทนจนทนไม่ไหว ลี กา ชิง จึงต้องยื่นคำขาด หลังจากนี้อีก 6 เดือน 
จะไม่รับใบสั่งซื้อแบบนี้อีก 
พอจดหมายส่งออกไป ทางฝ่ายผู้สั่งซื้อในอังกฤษ
จึงได้ค่อยๆทยอยคืนเงินที่คั่งค้างไว้จนหมดในที่สุด 
แม้จะได้เงินคืนจนครบ แต่ความแค้นก็ยังสะส มอยู่ในใจ 
เพราะเจ็ดปีที่ผ่านมานั้น ตนเองยากลำบากมากๆในการแบกภาระเงินก้อนใหญ่จำนวนนี้

แต่ ลี กา ชิง ก็ไม่ได้คิดจะแก้แค้นใดๆ ก็แค่ตั้งหน้าตั้งตาทำการค้าขายของตนเองต่อไป 
แต่ค่อยๆตีตัวออกห่างจากบริษัทนี้ จนในที่สุดก็ไม่มีอะไรติดต่อกันอีก 
หลังจากนั้นอีกหลายสิบปี นายลีก็ได้รับจดหมายจากอังกฤษฉบับหนึ่ง
เจ้าของจดหมายบอกว่า ตนเห็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ 
เห็นชื่อมหาเศรษฐีชาวฮ่องกงนามว่า Mr. Li Ka Shing 
ก็เลยสงสัยว่าจะเป็นคนเดียวกันกับที่เคยค้าขายกับตนเมื่อสมัยก่อนหรือเปล่า ถ้าใช่ 
เขาอยากมาพบนายลีอีกสักครั้งในฮ่องกง แต่เพราะตนอายุมากแล้ว 
ฐานะความเป็นอยู่ก็ค่อนข้างลำบากในตอนนี้ 
หวังว่านายลีจะช่วยอนุเคราะห์ค่าเดินทางให้เขา
หลังจากได้รับจดหมาย นายลีหวนคิดถึงชาวอังกฤษผู้ที่ทำให้ตนต้องทุกข์อยู่หลายปี 
ในใจก็คิดว่า เอ้า ไหนๆก็ไหนๆ อยากเจอหน้ากันก็มาเลย 
จะได้ถือโอกาสระบายความเคืองแค้นในอดีตให้ฟังกันหน่อย

ตามปกติ การต้อนรับแขกที่มาจากแดนไกล 
นายลีจะจัดการซื้อตั๋วเครื่องบินชั้นหนึ่งส่งไปให้แขก จัดการให้อยู่โรงแรมห้าดาว 
เมื่อต้อนรับแขกเข้าสู่โรงแรม ดอกไม้ แชมเปญก็ถูกส่งเข้าไปแสดงการต้อนรับทันที 
แต่สำหรับแขกที่เหมือนศัตรูรายนี้ เขายังไม่หายแค้น เลยสั่งเลขาว่า 
ไปรับจากสนามบินแล้วส่งเข้าโรงแรมก็พอ

แล้วก็ถึงเวลาที่ทั้งสองได้เจอหน้ากัน คนที่เคยรังแก เอาเปรียบตนสารพัด 
บัดนี้กลายเป็นคนแก่ที่ทรุดโทรมหลังค่อมแบบหมดสภาพ สายตาย่ำแย่ 
แม้จะเดินก็แทบจะเดินไม่ไหว
คำพูดที่นายลีเตรียมจะต่อว่าเมื่อเจอหน้า 
"เจ็ดปีนั้นคุณทำเอาผมทุกข์ระทมสุดบรรยาย" หดหายไปทันที 
ความรู้สึกของความเครียดแค้นกลับกลายเป็นความสงสารกับสภาพที่พบเจอ 
นายลีเล่าว่า "ฝั่งนั้นรู้สึกตื่นเต้นมาก กระสับกระส่าย พูดอะไรไม่ออกสักคำ 
ผมก็ตกใจมาก ไม่คิดว่าคนที่เคยวางมาดใหญ่คับฟ้า เอาเปรียบรังแกผมมาตลอด 
จะกลายสภาพเป็นแบบนี้
ผมรีบเข้าไปประคองเขา ผมก็จุกอกจนพูดอะไรไม่ออกเหมือนกัน 
หลังจากที่เจอกันแล้ว ผมก็เลยกำชับเลขาให้ส่งแชมเปญและผลไม้เข้าไปให้เขา"

หลังจากนั้นหลายปี หากถูกถามถึงเรื่องนี้ 
อะไรทำให้เขาเปลี่ยนใจไปต้อนรับ "ศัตรู" แบบ "แขกคนสำคัญ" 
นายลีแค่ตอบด้วยคำพูดเสียงเบาๆว่า "เห็นเขาย่ำแย่สุดจะบรรยาย แต่เรากลับสบายดี 
ทำใจไม่ได้ที่จะไปซ้ำเติมเขา เห็นบอกว่า หลังจากกลับไปแล้ว ปีถัดมาเขาก็เสียชีวิตไป"

เขา-ทำธุรกิจแบบเอาเปรียบและไร้จรรยาบรรณ-สุดท้ายก็กลายเป็นคนน่าเวทนา
ผม-ทำธุรกิจด้วยความอดทนและอดกลั้น-ปัจจุบันอยู่ในสภาพดี

ลี กา ชิง บอกว่า นี่คือผลตอบแทนต่อการกระทำของตัวเราเองสู่ตัวเราเอง มันยุติธรรมแล้ว
บุคคลท่านนี้ถูกนายลีนำไปเป็นตัวอย่างด้านลบในการสั่งสอนคนในครอบครัว
และพนักงานในองค์กร เป็นคนต้องมีศีลธรรม จงเชื่อมั่นว่า คนเราทำดีต้องได้ดีตอบ 
หากทำชั่วบาปกรรมจะติดตัว เราทำอะไรก็ตาม ฟ้าจะเห็นหรือเปล่าก็ไม่อาจทราบได้ 
แต่คนด้วยกันเห็นแน่นอน สุดท้ายแล้ว ทุกคนก็จะรู้ว่า คุณเป็นคนแบบไหน 
คุณทำตัวอย่างไร คุณก็จะได้ผลตอบแทนเช่นนั้นบนเส้นทางชีวิตของคุณเอง


ขอบคุณข้อมูล : "ขจรศักดิ์" แปลและเรียบเรียง
8/7/17



วันอังคารที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

เรื่องฝากจากนักเดินทาง i-mobile Stadium Buriram Standard !



           
  i-Mobile Stadium หรือ  Thunder Castle Stadium 
สนามฟุตบอล 1 สนาม  !
เกิดการปฏิวัติวงการฟุตบอลในเมืองไทย จากหน้าเท้า เป็นฝ่ามือ!
เกิดพลวัตในหลายมิติ กับ บุรีรัมย์
จังหวัดภาคอิสานแสนธรรมดาที่ไม่อยู่ในสายตาของผู้คน!

            โดยการบุกเบิกของอดีตนักการเมืองหัวธุรกิจ  
            i-Mobile Stadium  สนามพุตบอลมาตรฐาน FIFA 
ของสโมสรฟุตบอล Buriram United เปิดใช้ครั้งแรกเมื่อปี 2554

            ได้ปฏิวัติวงการฟุตบอลของเมืองไทยอย่างสิ้นเชิง ทุกอย่างคือ มืออาชีพ!

            นักฟุตบอล  ไม่ใช่นักมวย! การเล่นฟุตบอลไม่ใช่จบด้วยการต่อยตี!
ไร้วุฒิภาวะ ! อีกต่อไป!
ภาพลักษณ์ของนักฟุตบอล คือ นักกีฬาอาชีพ
คือ ความเป็นสุภาพบุรุษ มีวุฒิภาวะ มีวินัย เคารพกติกา !
และความทุ่มเทในการฝึกฝนเพื่อสร้างคุณค่า
ให้ตัวเองด้วยความสามารถเป็นสำคัญ !
            ภาพลักษณ์ดังกล่าว มีผลต่อการส่งเสริมกิจกรรมด้านการกีฬา
ให้กับเยาวชนรุ่นใหม่ ให้มีแรงบันดาลใจที่จะฝึกฝนพัฒนาทักษะของตัวเอง
ให้ไปสู่ความเป็นมืออาชีพ โดยมีนักเตะรุ่นพี่ที่มีคุณสมบัติที่ดี
และประสบความสำเร็จเป็น Idol

            เมื่อ ศูนย์กลางของกิจกรรม เกิดการพัฒนา
นำไปสู่การเล่นที่ เคารพกติกา อย่างมืออาชีพ
ส่งผลต่อผู้คนนับหมื่นที่นั่งรอบสนามพลอยถูกยกระดับรู้จักเคารพมีมารยาท
ในการชมการเชียร์ไปด้วย โดยไม่ต้องขอร้องให้เก็บอาวุธ!

            นอกจาก i-Mobile Stadium   แล้ว
บุรีรัมย์ยังมีสนามแข่งรถมาตรฐานอย่าง Moto GP เรียกแขกมาเที่ยวบ้านอีกมหาศาล

            เศรษฐกิจสะพัดทั้งเมือง! 
            เมื่อผู้คนนับหมื่นนับแสนหลั่งไหลมาจากทั่วสารทิศ
สู่  Stadium แห่งความบันเทิง  กระแสเงินสะพัดไปทั่วสาระบบ
ของการซื้อ ขาย แลกเปลี่ยน สินค้า บริการ ฯลฯ  

            สิ่งที่น่าสนใจ คือ CEO เจ้าของสนามไม่เหมาคนเดียว!
i-mobile Stadium ทำให้เกิดการกระจายรายได้  
โดยแนวคิดและการจัดการผลประโยชน์  ให้ปันไปในทุกภาคส่วน
            ภายในสนาม ถูกจัดสรรพื้นที่ให้แก่ร้านค้า 
ที่มูลค่าครึ่งหนึ่งของบัตรเข้าชม สามารถนำไปแลก  อาหาร เครื่องดื่ม
จากร้านค้าในสนามได้!  แบบนี้ ใครจะไม่รักเจ้าของสนาม! 
            ผลประโยชน์ร่วมเกิดขึ้นในทุกระดับ ร้านค้าระดับใหญ่ กลาง ร้านเล็กร้านน้อย
มีส่วนแบ่งการตลาดตามกำลัง  ผู้คนได้รับการจ้างงาน ... ฯลฯ

            สามารถกล่าวได้ว่า กิจกรรมเหล่านั้น ก่อให้เกิดพลวัตในหลายมิติ 
โดยเฉพาะเศรษฐกิจโดยรวมถูกปลุกให้ตื่นจากหลับไหล
มีชีวิตชีวาจากการเดินทางแสวงหาความบันเทิง ของผู้คนจากทั่วทิศ

            บุรีรัมย์ ! ภูมิลำเนาเมื่อวัยเยาว์ของ CEO ผู้บุกเบิก i-mobile Stadium
ที่เพื่อนๆ ในชั้นเรียนเมืองหลวงไม่เคยรู้จัก!
            แต่วันนี้, ชาวกรุงฯ ต้องเดินทางมุ่งหน้าสู่ “บุรีรัมย์” ไม่ขาดสาย !


            นับได้ว่าเป็นแนวความคิด และความสามารถในการจัดการ ทรัพยากรต่างๆ
ได้น่าสนใจไม่น้อย ! ในรูปแบบที่เรียกว่า Buriram Standard 
ซึ่งแตกต่างจาก Thailand Standard ที่เราชินชา!
กับความอะไรก็ได้ ที่ไม่ใส่ใจความถูกต้อง แต่ถือเอาความถูกใจเป็นใหญ่!


Cr. เรื่องฝากจากนักเดินทาง

5 กรกฎาคม 2560