วันพฤหัสบดีที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2560

“กฐินสัมฤทธิ์” กฐินเด็ก ตัวเล็ก แต่หัวใจยิ่งใหญ่



เพื่อให้เด็กดี V-Star และนักเรียนทุกๆ คนในสถานศึกษา
ได้ฝึกการเป็นผู้ให้ รู้จักการทำทาน และการทำหน้าที่กัลยาณมิตร คือ...
เพื่อนผู้ชี้คุณประโยชน์ให้แก่ผู้คนในสังคม

เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนรู้จักการทำงานเป็นทีม การวางแผนงาน
และฝึกความเป็นผู้นำทั้งด้านความคิดริเริ่ม การพูด และการลงมือปฏิบัติ
เพื่อเป็นเยาวชนต้นแบบด้านศีลธรรมอย่างแท้จริง

เพื่อส่งเสริมสายสัมพันธ์อันดีงามให้ความเข้มแข็ง ระหว่าง บ้าน วัด และโรงเรียน
อย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในทางปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมและยั่งยืน

เพื่อให้เยาวชนทุกคนเกิดความภาคภูมิใจและมีความมั่นคงในการสืบทอดอายุพระพุทธศาสนาและวัฒนธรรมชาวพุทธที่ดีงามให้วัฒนาสืบไป



ประเทศไทยเราเป็นเมืองพุทธที่ได้รับยกย่องจากชาวพุทธทั่วโลกให้เป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนา
แต่ทว่าตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมากลับเกิดปรากฏการณ์ “กฐินตกค้าง”
ซึ่งส่งผลกระทบในทางลบต่อวัดและพระพุทธศาสนา
ซึ่งปรากฏการณ์นี้อาจเกิดจากการที่ชาวพุทธเริ่มเข้าวัดน้อยลงไปเรื่อย ๆ
จึงทำให้วัดที่เคยรุ่งเรืองเมื่อครั้งอดีต ต้องกลับกลายเป็นวัดร้าง
หรือเป็นวัดที่มีกฐินตกค้างอยู่เป็นจำนวนมากในปัจจุบันนี้

จากเหตุผลดังกล่าว หลวงพ่อธัมมชโย จึงมีดำริ...
ที่จะแปรเปลี่ยนกฐินตกค้างให้กลายมาเป็น “กฐินสัมฤทธิ์” ตั้งแต่ปี ๒๕๕๑
ซึ่งกฐินสัมฤทธิ์ หมายถึง กฐินที่นำความสำเร็จมาสู่ผู้ให้และผู้รับ

กล่าวคือท่านเจ้าภาพย่อมได้รับบุญใหญ่จากการถวายผ้ากฐิน ซึ่งเป็นมหากาลทานแห่งปี
ส่วนผู้รับคือพระสงฆ์ ก็จะได้รับความสะดวกในการบำเพ็ญสมณธรรม ตามสมควรแก่เพศภาวะตน
เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการทำนุบำรุง รักษาวัดร้าง ให้กลับคืนมาเป็นวัดรุ่งอีกครั้ง

การทอดกฐินสัมฤทธิ์เด็กดี V-Star  
เป็นกิจกรรมที่ช่วยให้เด็กๆ ได้เรียนรู้หลักการ เหตุผล วิธีการ ที่ถูกต้อง
ในการช่วยกันทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา
และเป็นต้นบุญต้นแบบในการทำความดีให้แก่สังคมส่วนรวม
ด้วยการทำหน้าที่เป็นตัวแทนของชุมชน ไปทอดกฐินสัมฤทธิ์ให้แก่วัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ
เพื่อไม่ให้มีกฐินตกค้างอีกต่อไป
ซึ่งภาพการทำหน้าที่เหล่านี้จะนำความปลื้มปีติ และชื่นชม แก่ผู้ที่ได้พบเห็น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม้ผู้ใหญ่เอง  เมื่อได้เห็นภาพเด็กๆร่วมแรงร่วมใจกันทำความดี 
ทำนุบำรุงวัด รักษาพระพุทธศาสนา ก็จะเกิดแรงบันดาลใจว่า...

เมื่อเด็กๆ ตัวเล็กๆ ยังสามารถเป็นกำลังในการดูแลรักษาวัด และบำรุงพระพุทธศาสนาได้ทำไมผู้ใหญ่อย่างเรา  จะทำไม่ได้ ? ...

กฐินสัมฤทธิ์ ... กลายเป็นประเพณีแห่งมหากาลทาน ที่เด็กๆ ได้ร่วมแรงร่วมใจทำตลอดมา
กระทั้งถึงปัจจุบัน ... และจะเป็นประเพณีอันดีงามที่จะเกิดการสืบสานจากรุ่นพี่ สู่รุ่นน้อง
ให้เด็กๆให้ได้เรียนรู้ ฝึกฝน และหล่อหลอมตนเอง ให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่เก่ง และดี มีคุณธรรม
เป็นพลเมืองที่มีคุณภาพของบ้านเมืองในที่สุด






ขอบคุณข้อมูล  www.vstarproject.com 



            

วันอังคารที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2560

มิตรแท้ เป็นทั้งหมดของความสำเร็จในชีวิต




ชีวิตจะรุ่ง หรือ ร่วง ... เพื่อนเป็นเหตุผลทั้งหมด !
( ยาวหน่อยนะครับ, แต่อยากให้อ่านให้จบครับ ...
อย่างมาก/น้อย... 
จะได้ไม่งง ว่าตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตคนและบ้านเมือง)


พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสไว้ใน กัลยาณมิตรสูตร ว่า

“เอกธมฺโม  ภิกฺขเว พหูปกาโร  อริยสฺส อฏฺฐงฺคิกสฺส
มคฺคสฺส อุปฺปาทย ฯ กตโม เอกธมฺโม ฯ ยทิทํ กลฺยาณมิตฺตตา ฯ
กลฺยาณมิตฺตสฺเสตํ  ภิกฺขเว ภิกฺขุโน ปาฏิกงฺขํ อริยํ อฏฐงฺคิกํ
มคฺคํ ภาเวสฺสติ อริยํ อฏฐงฺคิกํ พหุลีกริสฺสติ

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมอันหนึ่งที่มีอุปการะมาก 
เป็นไปเพื่อการเกิดขึ้นแห่งอริยมรรค
อันประกอบด้วยองค์ 8  ธรรมอันหนึ่งเป็นไฉน คือ ความเป็นผู้มีกัลยาณมิตร
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  ภิกษุผู้มีกัลยาณมิตร 
พึงหวังได้ว่าจักเจริญในอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ 8
จักกระทำให้มาก ซึ่งมรรคอันประกอบด้วยองค์ 8 ”


ว่าภาษาบ้านก็คือ ...

การมีมิตรแท้ เราจะมีโอกาส
มีกำลังใจ มีกำลังปัญญา สามารถรักษาตัวเองให้มั่นคงอยู่ในเส้นทางของความดีงามถูกต้อง
คือ อริยมรรค 8 ประการ ซึ่งจะทำให้ชีวิตเราเจริญก้าวหน้าและประสบความสำเร็จ
ตามเป้าหมายชีวิต...ตั้งแต่เป้าหมายระดับต้น  ระดับกลาง และเป้าหมายสูงสุด ...
คือ สามารถกำจัดกิเลสเข้าสู่พระนิพพาน ได้ครับ 
( เราจะกลับมาทำความเข้าใจกับ อริยมรรคมีองค์ 8 กันอีกครั้งนะครับ )

เราสามารถสรุป ได้เลยครับว่า ...

มิตรแท้ ที่เป็นกัลยาณมิตร เป็นทั้งหมดของความสำเร็จของชีวิต

มิตรแท้ หรือ กัลยาณมิตร จึงไม่ได้หมายถึงเพียงแค่ เพื่อนดีทั่วๆไป
แต่หมายถึง บุคคลที่มีคุณสมบัติที่จะแนะ และนำ ชีวิตของเรา
ไปในเส้นทางที่ถูกต้อง ดีงาม และประสบความสำเร็จดังที่กล่าวไว้ในข้างต้น


ดังเช่นเรื่องราวของพระพุทธองค์ เอง 

เมื่อครั้ง เกิดเป็นพราหมณ์ชื่อ “โชติปาละ”
มีเพื่อนเป็นช่างปั้นหม้อชื่อ “ฆฏิการะ” 
ซึ่งได้ฟังธรรมจากพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า
แล้วเกิดความเลื่อมใส ได้ถือเอาพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง 
เมื่อตนได้พบหนทางสว่าง
และพบบุคคลผู้ประเสิรฐอย่างพระบรมศาสดาแล้ว ...

ฆฏิการะ  ก็มีใจปรารถนาดี อยากชวนโชติปาละ มาฟังธรรมจากพระพุทธองค์ด้วย
แต่แม้จะชักชวน เกลี้ยกล่อมแค่ไหน โชติปาละก็ไม่ยอมไปเฝ้าพระพุทธเจ้า
ทั้งนี้ เพราะโชติปาละเองนั้น เกิดในตระกูลพราหมณ์ ไม่มีความเลื่อมใสในพระรัตนตรัย
ในที่สุดเมื่อเห็นว่าแม้จะพยายามเท่าไหร่ โชติปาละก็ไม่ยอมไป

แต่ด้วยความหวังดีอย่างจริงใจต่อเพื่อน   
ฆฏิการะจึงตัดสินใจดึงมวยผมของโชติปาละ  เพื่อที่จะให้ไปเฝ้าพระพุทธองค์ให้ได้
โชติปาละ เห็นอย่างนั้น, ด้วยความเป็นผู้สั่งสมบุมาดี มีปัญญา
ก็ได้คิดว่า...น่าแปลกจริง ฆฏิการะเป็นแค่ช่างปั้นหม้อ 
แต่กล้าดึงมวยผมของเผ่าพันธุ์พระพรหม
ซึ่งเพื่อนคนนี้ไม่เคยทำอย่างนี้ เพราะมีแต่ความปรารถนาดีมาตลอด 
ไม่เคยชักชวนไปในทางที่ผิดการที่ฆฏการะ ลงมือดึงมวยผมถึงเพียงนี้  
แปลว่าการไปพบพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องเป็นสิ่งที่ดีแน่”

เมื่อคิดอย่างนั้น แทนที่โชติปาละจะโกรธ แต่กลับตกลงใจ
ไปเฝ้าพระพุทธองค์ กับ ฆฏิการะ  เมื่อได้ฟังธรรม และสนทนาธรรม
จากพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว โชติปาละ เกิดความเลื่อมใส
จึงออกบวชและประพฤติธรรมตลอดชีวิต


จบชาดก, พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสกับพระอานนท์ว่า
“เธออย่าคิดว่า ฆฏิการะ ช่างปั้นหม้อเป็นเราตถาคต 
โชติปาละพราหมณ์ต่างหากที่เป็นเราตถาคต”

-------------

เห็นไหมครับ ...
แม้พระองค์ได้รับการพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้านับพระองค์ไม่ถ้วน 
ได้ชื่อว่าเป็นนิยตโพธิสัตว์ คือ 
จะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตอย่างเที่ยงแท้แน่นอน
ยังต้องอาศัยกัลยาณมิตรคอยชี้แนะประคับประคอง 
เพื่อให้ไปถึงจุดหมายปลายทางอันสูงสุดของชีวิต

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงตรัสว่า ...

“ เรายังไม่เล็งเห็นธรรมอันอื่นแม้สักอย่างหนึ่ง 
ซึ่งจะเป็นเหตุให้อริยมรรค์ อันประกอบด้วยองค์ 8
ที่ยังไม่เกิด  ให้เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้ว ให้เจริญยิ่งๆ ขึ้นไป 
เหมือนความเป็นผู้มีกัลยาณมิตรเลย”

-------------


มองชีวิตเรา ... 
มีเพื่อนดีๆ ที่เรียกว่า กัลยาณมิตร แล้วหรือยัง ?
ที่จะคอยชี้แนะ ประคับประคองเรา
ให้สามารถตั้งตนอยู่ในเส้นทางแห่งความดี มีชีวิตที่เป็นสุข
ประสบความสำเร็จไปได้ตลอดรอดฝั่ง

มองสังคมบ้านเมืองเรา ... 
ได้เอาใจใส่ ให้ความสำคัญ กับ ผู้เป็นยอดกัลยาณมิตร หรือไม่ ?
ที่จะคอยแนะนำ เหตุผล หลักการ วิธีการ ในการพัฒนาชีวิตจิตใจของผู้คนในสังคม
ซึ่งเป็นพื้นฐานอันสำคัญของการพัฒนาบ้านเมืองในเรื่องต่างๆ
ให้ก้าวหน้าไปอย่างยั่งยืน  เป็นความเจริญไปพร้อมกันทั้งเศรษฐกิจ และ จิตใจ  

ชีวิตคน เมื่อขาดกัลยาณมิตร
บ้านเมือง เมื่อปฏิเสธ ธรรมของกัลยาณมิตร
ก็เสมือนโลก ที่ปราศจากดวงตะวัน !

เมืองไทย ได้ชื่อว่า เป็นเมืองพระพุทธศาสนา
เรียกว่า ... มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  มีพระธรรม มีพระสงส์ เป็น ยอดกัลยาณมิตร
ที่เลิศกว่าเมืองอื่นทั้งโลก  … แต่ความเจริญของบ้านเมืองกลับอ่อนด้อยกว่า
ในสภาพที่เสมือน ... ทัพพีไม่เคยรู้รสแกง  เด็กเลี้ยงโคที่ไม่เคยได้ดื่มน้ำนมโค


ซ้ำร้ายกว่านั้น ... สถานการณ์ปัจจุบันดูเหมือน...
ผู้ได้ชื่อว่าเป็นกัลยาณมิตรของมหาชน ของบ้านเมือง ...
กลับกำลังถูกเบียดเบียนทำลายเสียให้สิ้นไปจากแผ่นดินนี้ซะอีก !



อามิตตพุท!



ชาวศิวิไลซ์
8  สิงหาคม พ.ศ. 2560


วันเสาร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2560

เหตุสำคัญประการแรกที่จะทำให้ชีวิตรุ่งโรจน์ หรือตกต่ำ !


พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน ขุททกนิกาย ชาดกว่า

อสนฺเต นูปเสเวยฺย สนฺเต เสเวยฺย ปณฺฑิโต
อสนฺโต นิรยํ เนนฺติ สนฺโต ปาเปนฺติ สุคตึ

บัณฑิตไม่พึงคบกับอสัตบุรุษ พึงคบกับสัตบุรุษ อย่างเดียว
เพราะอสัตบุรุษย่อมนำไปสู่นรก สัตบุรุษย่อมพาไปสู่สุคติ”

------------------------

การเลือกคบคนเป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินชีวิตของเราเป็นประการแรก
คนที่เราคบหาสมาคม ให้การยอมรับ นับถือ
คือ ถือว่าเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นคู่ธุรกิจ เป็นผู้นำ เป็นผู้ปกครอง ... ฯลฯ
มีผลต่อชีวิตคนเราทั้งโดยตรง และโดยอ้อม !
เพราะ นิสัย ทัศนคติ ความคิดวินิจฉัย คำพูด การกระทำ
ของผู้ที่สมาคมใกล้ชิดกันย่อมมีผลต่อกัน
และส่งผลอย่างสำคัญต่อความรุ่งโรจน์ หรือ ตกต่ำ ของชีวิตได้!

ฉะนั้น,
หากเราปรารถนาความเจริญก้าวหน้า ความสุข ความสำเร็จในชีวิต
สิ่งที่ต้องจัดการอันดับแรก คือ เลิกคบคนพาล ให้ได้
และแน่นอน นิสัยพาลในตัวเราเองด้วย !


ในสมัยพุทธกาลมีอุทาหรณ์เรื่องหนึ่งว่า ...

สมัยหนึ่ง...
พระเทวทัต ต้องการเป็นใหญ่ในหมู่สงฆ์
จึงเข้าหา พระราชกุมารอชาตศัตรู ซึ่งปกติทรงมีอัธยาศัยงดงาม
แต่เพราะหลงเชื่อ พระเทวทัต
จึงถึงกับ ปลงพระชนม์พระราชบิดา คือ พระเจ้าพิมพิสาร
ในวันที่ พระราชบิดาสวรรคต นั้น
เป็นวันเดียวกันกับที่พระราชโอรส ของพระเจ้าอชาตศัตรูประสูติ
ความรักอันท่วมท้นพระหทัยที่พระองค์มีต่อพระราชโอรส
ทำให้พระองค์สำนึกขึ้นได้ แต่ก็สายไปเสียแล้ว!
พระองค์ทรงได้แต่กันแสงอย่างเศร้าโศกแสนสาหัส...
และนับตั้งแต่นั้นมา...
พระองค์ไม่เคยทรงบรรทมสนิทได้เลยแม้สักราตรีเดียว
...
อนันตริยกรรม อันหนักนั้น เกิดขึ้นเพราะหลงคบคนพาล !
เป็นปฐมเหตุโดยแท้

ในสังคมโลกยุค Social Network ปัจจุบัน
รูปแบบของคนพาล หรือ ความพาล มีหลากหลาย
แบบ...คน สื่อมวลชน ข้อมูล ทั้งที่แบบซีเรียส และเพื่อความบันเทิง ต่างๆ มากมาย ... ฯลฯ

หลักสำคัญในการวินิจฉัยว่าสิ่งใดเป็น “พาล” / “ชั่ว” คือ ...
สิ่งนั้น ชักนำเรา ไปสู่การ ... คิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว ...
บ่มเพาะนิสัยชั่วเหล่านั้น ให้หรือไม่อย่างไร มีผล ในปัจจุบัน และอนาคตอย่างไร
เมื่อรู้ว่า ... สิ่งนั้น คนนั้น มีเชื้อชั่ว หรือ เป็นพาหนะนำเชื้อชั่ว มาสู่ใจเรา !
ต้องตัดขาดจาก สิ่งนั้น คนนั้น
ก่อนที่เชื้อจะระบาด และทำลายชีวิต!

ปราชญ์โบราณกล่าวว่า ...

ในแสนโกฏิจักรวาล แม้ไร้ซึ่งคนดี
ก็อย่าคบคนพาลเลย!  จงอยู่ให้ห่างเหมือนไกลจากอสรพิษร้าย
เพราะคนพาลย่อมนำแต่วิบัติมาให้
อกุศลทั้งมวลเกิดขึ้นได้เพราะอาสัยคนพาล
การคบคนพาลจึงมีแต่นำทุกข์มาให้โดยส่วนเดียว”

หากเรากล้าเลิกสมาคมกับ คนชั่ว และ ความชั่ว ได้
เมื่อนั้นชีวิตเราจะมีพื้นที่สะอาดๆ เพื่อรองรับ คนดี และ สิ่งดี
เข้ามาเป็นเพื่อน เป็นสิ่งแวดล้อมที่ดี เป็นพลังชีวิตที่ดี
และนำพาชีวิตเราก้าวไปสู่ทิศทางที่ถูกที่ควร และ เจริญก้าวหน้า
ประสบความสุข ความสำเร็จ ตั้งแต่เบื้องต้น ท่ามกลาง
กระทั้งพ้นจากวงจรแห่งทุกข์ ในที่สุด

-------------


อนึ่ง! ...
ในหลักการ เหตุผล เดียวกัน

! ชีวิตบ้านเมือง ประเทศชาติ  ก็เหมือนชีวิตคน ! 
หากบ้านเมืองใดคนพาลได้อำนาจ เป็นใหญ่เหนือคนหมู่มาก
คนพาลเหล่านั้น  ก็มีแต่จะนำความวิบัติมาสู่บ้านเมือง
คนพาลจะใช้อำนาจในทางที่ไม่ชอบธรรม ไม่เป็นคุณประโยชน์ต่อส่วนรวม
ขัดขวางคนดี ส่งเสริมพวกพ้องคนพาลด้วยกันให้มีกำลังมากขึ้น
และนำความทุกข์ความลำบากมาสู่ประชาชนในบ้านเมือง
คนพาล มีแต่จะทำให้บ้านเมืองตกต่ำ และเสื่อมจากศีลธรรม
เพราะคนพาล ไม่สนใจความถูกต้อง ไม่คำนึกถึงความเป็นธรรม
หากบ้านเมืองใดปล่อย ชะตาอนาคตประเทศให้ตกอยู่ในมือคนพาล
โดยปราศจากความร่วมมือที่จะช่วยกันแก้ไขสถานการณ์จากบัณฑิตนักปราชญ์ซะแล้ว!
ชีวิตบ้านเมือง ก็นับได้ว่าตกอยู่ในอันตรายเป็นที่สุด



ชาวศิวิไลซ์

5 สิงหาคม พ.ศ. 2560



วันพฤหัสบดีที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2560

หลักสำคัญในการปกครอง มีไว้เพื่ออะไร ?





ก่อนที่จะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาตรัสรู้  
วัตถุประสงค์การปกครองสังคมมนุษย์นั้น
เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคมโดยธรรม มีการติเตียน ตักเตือน 
ลงโทษคนที่ประพฤติอกุศลกรรม ที่เป็นเหตุทำให้คนร่วมสังคมเดือดร้อน  
เพื่อให้ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข

เมื่อครั้งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บังเกิดขึ้น
พระองค์ทรงตรัสสอนว่าชีวิตที่เกิดมาเป็นมนุษย์นี้  มีเป้าหมาย 3  ระดับ
1.       เป้าหมายระดับต้น สร้างฐานะเพื่อเลี้ยงชีพตนในปัจจุบัน บนพื้นฐานของศีลธรรม
2.       เป้าหมายระดับกลาง สั่งสมบุญกุศล เพื่อว่าชีวิตหลังความตาย จะได้ไปสู่สุคติภพ
3.       เป้าหมายระดับสูงสุด เพื่อกำจัดกิเลส แล้วเข้าสู่นิพพาน สิ้นสุดวัฏฏแห่งทุกข์ในที่สุด

เมื่อเป้าหมายมนุษย์มี  3  ระดับ ชัดเจนดังนี้
ดังนั้น  เป้าหมายสำคัญของการปกครองสังคมมนุษย์
ก็เพื่อสร้างสภาพเอื้อให้มนุษย์ในสังคมสามารถฝึกฝนประพฤติปฏิบัติตนให้บรรลุเป้าหมายทั้ง  3   ระดับได้โดยสะดวก

หลักสำคัญของรัฐศาสตร์จึงเป็น หลักธรรมาธิปไตย
ธรรม หมายถึง ถูกต้อง ดีงาม  ซึ่งมีทั้งที่เป็นหลักคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
และหลักธรรมที่มีมาแต่ก่อนการตรัสรู้ของพระพุทธองค์

หลักธรรมาธิปไตย ไม่ใช่ ระบอบการปกครอง แบบ ระบอบประชาธิปไตย
หรือ ระบอบสังคมนิยม  ฯลฯ นะครับ  
ในโลกใบนี้ประเทศไหนจะปกครองด้วยระบอบอะไรก็ได้ทั้งนั้น
แต่หลักสำคัญ คือ ทุกระบอบการปกครอง  จะเป็นระบอบนั้นๆจะดีได้ 
ก็เมื่อได้นำ ธรรมาธิปไตย เข้าไปเป็นแกนหลักให้กับระบอบนั้นๆ
เพราะ ธรรมาธิปไตย เป็นเรื่องของหลักการที่ถือเอาความถูกต้องชอบธรรมเป็นใหญ่
ซึ่งจะทำให้ผู้ปกครองและผู้ใต้ปกครอง ดำรงชีวิตอยู่ได้โดยไม่เบียดเบียนกัน
และอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข


วันนี้...ขีดเส้นใต้หัวใจของการปกครองไว้เพียงเท่านี้ครับ


ชาวศิวิไลซ์
3 สิงหาคม 2560
--------------------- 

 ขอบคุณข้อมูล : หนังสือ สรรพศาสตร์ในพระไตรปิฎก  โดย พระมหาสมคิด ชยาภิรโต


วันอังคารที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

อาหารชูกำลังบาป !



ทุกวันนี้, ที่ต้องกินสัตว์อื่น หมู  ไก่ วัว กุ้ง หอย ปู ปลา ...
สาระพัดที่จัดมีในท้องตลาด
ก็ว่าเป็นการพรากชีวิตผู้อื่นซึ่งเป็นบาปแก่ผู้ฆ่ามากโข อยู่แล้ว

แต่ก็ยังมีคนบางพวก  อุตสาห์เพิ่มความแรงของบาป
ด้วยการพยายามกินสัตว์อื่น  ด้วยวิธีการโหดร้ายเกินวิสัยปกติไปได้อีก !
ด้วยความเชื่อว่า อาหารนั้นๆ มีสรรพคุณบำรุงกำลังร่างกาย ต่างๆ นานา
ซึ่งความเชื่อเหล่านั้น...
ไม่มีผลรับรองในทางการแพทย์ หรือการพิสูจน์ในทางวิทยาศาสตร์
ว่ามีสรรพคุณอะไรพิเศษไปกว่าอาหารปกติทั่วไปเลย

หูฉลาม ... !


ล่าฉลาม ลากขึ้นมาตัดครีบ แล้วโยนตัวปลาที่ไร้ครีบลงไปในทะเล ...
แล้วอะไรต่อ... เลือดจากฉลามที่ถูกตัด ก็ไปเรียกเพื่อนฉลามตัวอื่น
ให้ว่ายเข้ามาสู่ความตายต่อไป ...
บนความตายอันทารุณของฉลามนับหลายสิบล้านตัวต่อปี
คุณค่า ซุปหูฉลาม  1  ถ้วย มีค่าเท่ากับ ไข่เป็ด 1  ฟอง !

 








อุ้งตีนหมี ...!
อาหารที่ต้องใช้ความพยายามในการฆ่า! อย่างทารุณโหดร้าย !
เพราะหมีไม่ได้ฆ่าง่ายๆ ยกตัวอย่างวิธีการฆ่าโชว์นักท่องเที่ยวก่อนทำเป็นอาหาร
หมีจะถูกจับใส่ถุง แล้วโยนลงไปในน้ำ กว่าจะตายก็ดิ้นรนทรมานเป็นพักใหญ่
จากนั้นจึงกรีดเอาเลือด และเอาอวัยวะอย่างอื่นไปทำอาหาร
และเป็นความเชื่อล้วนๆ เรื่องสรรพคุณว่าจะทำให้ร่างกายแข็งแรง เหมือนหมี



แต่ความจริงคือ! สารอาหารจาก อุ้งตีนหมี  ก็เป็นประเภทโปรตีนธรรมดา
เหมือนกับสารอาหารจากอุ้งตีนหมู !!! 


รังนก ...!
ฟังดูน่ารัก, แต่ความโหดร้ายไม่แพ้  2  รายการแรก
รังนกนางแอ่น  85 – 97 % เป็นน้ำลายนกนางแอ่น
3 – 15 % เป็นขนอ่อน ...
ซึ่งนกนางแอ่นจะสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่วางไข่ และเป็นที่อยู่ของลูกนก
แต่ยังไม่ทันที่จะได้ไข่  รังก็ถูกเก็บโดยคนใจร้าย !
นกนางแอ่นก็ต้องสร้างใหม่  แต่ก็ถูกขโมยรังไปอีก !
ว่ากันว่า...รังนก ที่มีสีแดงปน ถือเป็นสุดยอดของรังนก !
และแน่นอนราคาแพงลิ่ว!
แต่นั้น คือ รังนกที่สร้างขึ้นจากการถากคายน้ำลายที่แทบไม่เหลือแล้ว
และสิ่งที่ปนออกมาคือเลือด เพื่อที่พ่อแม่นกจะสร้างรังไว้รองรับลูกน้อย !
สำหรับความเชื่อที่ว่ารังนก มีสารอาหารพิเศษ มีคุณค่าต่อร่างกายนั้น
เป็นคุณสมบัติที่อาหาร  5  หมู่ สามัญธรรมดา ก็มีเช่นกัน !!!



... นี้,ยกตัวอย่างมา, ถ้าจะว่ากันทุกรายการ เกรงจะเศร้าสะเทือนใจหนักไปครับ ! 

ความพยายามในการฆ่า ในการทำลายมีมาก กำลังบาปก็แรงมาก !
บริโภคเพื่อชูกำลังร่างกาย  หรือ บริโภคเพื่อชูกำลังบาป !

สุขภาพคนเราจะดีได้  มีวิธีปฏิบัติง่ายๆ ไม่ต้องไปล้างผลาญชีวิตผู้อื่นปานนั้น !

ในเชิงกายภาพ ...
-          รับประทานอาหารปกติสามัญที่มีตามท้องตลาดให้ครบ 5 หมู่
หรือ ทุกวันนี้ก็มีอาหารเสิรมที่มีคุณภาพสูงซึ่งหาซื้อได้ทั่วไป
-          ออกกำลังกาย  พักผ่อนให้เพียงพอ  No Alcohol !
ฯลฯ

ในทางพุทธศาสตร์ คือ ศาสตร์ของผู้รู้ ท่านว่า ...   
-          ทำบุญให้ชีวิตสัตว์เป็นทาน เมื่อให้ชีวิต เราก็จะได้ชีวิต
(คืออายุยืน โรคภัยที่จะเบียดเบียนตัดรอนชีวิตก็ไม่มี) 
-          ถวายภัตตาหาร ... อานิสงส์แห่งบุญที่ทำ ...
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงแสดงไว้ชัด...คือ  ย่อมได้ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณ
--------------------------

 ดังเช่น ในสมัยพุทธกาล 

สามเณรติสสะ ได้รับพยากรณ์จากพระสารีบุตรเถระ ว่า...
จะมีชีวิตอยู่อีก 7  วัน, แต่สามเณรก็ไม่ได้หวาดหวั่น
ได้กราบขออนุญาตพระสารีบุตรเพื่อกลับบ้านไปโปรดบิดามารดา
ในระหว่างทาง ได้พบเห็นปลาน้อยใหญ่ในสระที่น้ำกำลังแห้งเขิน
และปลาเหล่านั้นกำลังจะตาย,  สามเณรจึงได้ช่วยชีวิตปลาเหล่านั้น
และระหว่างทางต่อมาก็ได้ช่วยปล่อยอีเก้งที่ติดบ่วงของนายพราน
ด้วยผลบุญที่สามเณรได้ช่วยชีวิตสัตว์ดังกล่าวให้พ้นจากความตาย
ด้วยจิตเมตตา ... ทำให้สามเณรหมดกรรมที่จะต้องหมดอายุขัย
แต่กลับมีอายุยืนยาวต่อไป  และยังมีผิวพรรณผ่องใสยิ่งขึ้นอีกด้วย


อีกประการหนึ่ง, 

การกินเนื้อสัตว์นั้นเป็นประเด็นที่ถ้าจะถกเถียงกันแล้ว  ไม่มีวันจบ
ว่า กิน หรือ ไม่กิน ! ดี หรือ ไม่ดี ! … 
( คือ ถ้าคนเรากินแค่ผักอย่างเดียว!แล้วแข็งแรงเหมือนเจ้าทุย ก็คงพอสู้นะฮะ! 
แต่มันไม่ใช่น่ะสิครับ ! ) ... 

ในกรณีนี้ ... พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงให้สติให้หลักไว้ อย่างนี้ครับว่า ...

เมื่อคนเรายังต้องกินเพื่อยังอัตตภาพให้อยู่ได้
และถ้าอาหารนั้นเป็นชีวิตของสัตว์อื่น
ให้ระลึกว่า ... เสมือนเราเป็นบิดา มารดา ที่ต้องกินเนื้อและเลือดของลูกตนเอง
เพื่อให้มีกำลังเดินทางข้ามหนทางอันกันดาร ไปให้ได้
(ศึกษาความรู้ได้ที่ : พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๖  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๘ สังยุตตนิกายนิทานวรรค)

อธิบายภาษาเราๆว่า ...
การกิน การบริโภคของคนเรา โดยเฉพาะ เนื้อ และ เลือด ของสัตว์อื่น ...
เราต้องเอากำลังเรี่ยวแรงที่ได้จากชีวิตผู้อื่น  มาทำความดี เอามาสร้างคุณค่า ทำคุณประโยชน์ให้เกิดขึ้นต่อตนเอง และผู้อื่น ด้วยทางกาย  ทางวาจา ทางใจ เพื่อให้เกิดเป็นกำลังบุญ กำลังบารมี
ที่จะเป็นกำลังในการเดินทางข้ามห้วงวัฏฏของความทุกข์
ไปสู่จุดหมายปลายทาง คือ พระนิพพาน

ไม่ใช่กินชีวิตผู้อื่น เพียงเพื่อเอาอร่อย สนุกสนาน มัวเมาในรสอาหารไปวันๆแล้วยังเอากำลังแรงที่ได้ ไปทำในสิ่งที่ไร้สาระ ไม่เกิดคุณค่าหรือประโยชน์ใดๆหรือ แย่กว่านั้นคือ เอากำลังที่ได้ไปทำชั่ว
ด้วยความคิดชั่ว คำพูดชั่ว และกระทำชั่ว ... แบบนี้ขาดทุนมหาศาล
-----------------------

โดยสรุปนะครับ  ถ้าหากอยากสุขภาพดี อายุยืน แข็งแรง สดใส  
ก็ให้หมั่นบำเพ็ญทาน  รักษาศีล  เจริญภาวนา
เพราะกุศลทั้ง 3  ประการนั้น  มีผลต่อ ความสุข ความเจริญ
ในชีวิตของเราอย่างครบถ้วนในทุกด้าน
ทั้งในเชิงกายภาพ และทางด้านจิตใจ ทั้งในปัจจุบัน และในอนาคต



ขอสรรพสัตว์ทั้งหลายจงเป็นผู้ไม่มีเวร และ ไม่มีภัยครับ
ชาวศิวิไลซ์
25  กรกฎาคม พ.ศ. 2560
-----------------------------