ประสบการณ์ครั้งหนึ่งที่น่าจดจำของ ลี กา ชิง
เหตุไฉนเขาจึงต้องต้อนรับ"คนที่เอาเปรียบตนมาตลอด"แบบ"แขกคนสำคัญ"
แล้วยังนำมาเป็นเรื่องราวในการสอนคนรุ่นต่อๆไป
ตอน ลี กา ชิง
เริ่มทำธุรกิจใหม่ๆในฮ่องกง
ได้มีการติดต่อขายเม็ดพลาสติกให้กับผู้นำเข้ารายหนึ่งในอังกฤษ
ฝั่งนั้นเห็นว่านายลีอายุยังน้อย เป็นบริษัทเล็กๆ
ไม่รู้เรื่องกฏเกณฑ์ต่างๆ
หากรู้ก็ไม่มีอำนาจต่อรอง
เลยหลอกนายลีว่า ด้วยกฏระเบียบของกรมศุลกากรที่นั่น
สินค้าเกี่ยวกับพลาสติกเคมีทั้งหลายที่ส่งไปนั้น
จะถูกเรียกเก็บเงินประกัน
โดยกรมศุลกากรเป็นจำนวนเงิน 30% ของราคาสินค้า
เงินจะได้คืนจากกรมศุลกากรเมื่อ
ได้รับการอนุมัติหลังจากมีการพิสูจน์บางอย่างเรียบร้อยแล้ว
ได้รับการอนุมัติหลังจากมีการพิสูจน์บางอย่างเรียบร้อยแล้ว
ลี กา ชิง
รู้ว่านี่คือกลอุบายที่จะหลอกเก็บกักเงินของตนของผู้ซื้อ
แต่ตนก็ไม่มีทางเลือกมากนัก
แต่ตนก็ไม่มีทางเลือกมากนัก
แม้นกระนั้นก็ยังพอมีกำไรเหลือบ้างเล็กน้อย
เลยต้องสงบปากสงบคำ
รับข้อเสนอของฝั่งนั้นไปก่อน รอเวลาให้ตนค่อยๆเติบโตขึ้น
เมื่อพ่อค้าฝั่งอังกฤษเห็นว่านายลีข่มได้ง่าย
เป็นไอ้โง่ในสายตาเขา
นับจากปี 1950 ถึง 1957 รวม 7 ปีเต็ม
เงินค่าประกันสักแดงก็ไม่เคยคืนมาให้นายลี
เงินค่าประกันสักแดงก็ไม่เคยคืนมาให้นายลี
หากรวมยอดเงินทั้งหมดที่โดนค้างชำระ
ยังมากกว่าเงินทุนในบริษัทตนหลายเท่า
ยังมากกว่าเงินทุนในบริษัทตนหลายเท่า
เป็นภาระอันหนักหน่วงมากๆสำหรับบริษัทที่เพิ่งก่อตั้งได้ไม่นานอย่างของเขา
ทนจนทนไม่ไหว ลี กา ชิง
จึงต้องยื่นคำขาด หลังจากนี้อีก 6 เดือน
จะไม่รับใบสั่งซื้อแบบนี้อีก
จะไม่รับใบสั่งซื้อแบบนี้อีก
พอจดหมายส่งออกไป
ทางฝ่ายผู้สั่งซื้อในอังกฤษ
จึงได้ค่อยๆทยอยคืนเงินที่คั่งค้างไว้จนหมดในที่สุด
จึงได้ค่อยๆทยอยคืนเงินที่คั่งค้างไว้จนหมดในที่สุด
แม้จะได้เงินคืนจนครบ แต่ความแค้นก็ยังสะส มอยู่ในใจ
เพราะเจ็ดปีที่ผ่านมานั้น
ตนเองยากลำบากมากๆในการแบกภาระเงินก้อนใหญ่จำนวนนี้
แต่ ลี กา ชิง
ก็ไม่ได้คิดจะแก้แค้นใดๆ ก็แค่ตั้งหน้าตั้งตาทำการค้าขายของตนเองต่อไป
แต่ค่อยๆตีตัวออกห่างจากบริษัทนี้ จนในที่สุดก็ไม่มีอะไรติดต่อกันอีก
หลังจากนั้นอีกหลายสิบปี นายลีก็ได้รับจดหมายจากอังกฤษฉบับหนึ่ง
เจ้าของจดหมายบอกว่า
ตนเห็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์
เห็นชื่อมหาเศรษฐีชาวฮ่องกงนามว่า Mr. Li Ka Shing
ก็เลยสงสัยว่าจะเป็นคนเดียวกันกับที่เคยค้าขายกับตนเมื่อสมัยก่อนหรือเปล่า
ถ้าใช่
เขาอยากมาพบนายลีอีกสักครั้งในฮ่องกง แต่เพราะตนอายุมากแล้ว
ฐานะความเป็นอยู่ก็ค่อนข้างลำบากในตอนนี้
หวังว่านายลีจะช่วยอนุเคราะห์ค่าเดินทางให้เขา
หลังจากได้รับจดหมาย
นายลีหวนคิดถึงชาวอังกฤษผู้ที่ทำให้ตนต้องทุกข์อยู่หลายปี
ในใจก็คิดว่า เอ้า
ไหนๆก็ไหนๆ อยากเจอหน้ากันก็มาเลย
จะได้ถือโอกาสระบายความเคืองแค้นในอดีตให้ฟังกันหน่อย
ตามปกติ
การต้อนรับแขกที่มาจากแดนไกล
นายลีจะจัดการซื้อตั๋วเครื่องบินชั้นหนึ่งส่งไปให้แขก
จัดการให้อยู่โรงแรมห้าดาว
เมื่อต้อนรับแขกเข้าสู่โรงแรม ดอกไม้
แชมเปญก็ถูกส่งเข้าไปแสดงการต้อนรับทันที
แต่สำหรับแขกที่เหมือนศัตรูรายนี้
เขายังไม่หายแค้น เลยสั่งเลขาว่า
ไปรับจากสนามบินแล้วส่งเข้าโรงแรมก็พอ
แล้วก็ถึงเวลาที่ทั้งสองได้เจอหน้ากัน
คนที่เคยรังแก เอาเปรียบตนสารพัด
บัดนี้กลายเป็นคนแก่ที่ทรุดโทรมหลังค่อมแบบหมดสภาพ สายตาย่ำแย่
แม้จะเดินก็แทบจะเดินไม่ไหว
คำพูดที่นายลีเตรียมจะต่อว่าเมื่อเจอหน้า
"เจ็ดปีนั้นคุณทำเอาผมทุกข์ระทมสุดบรรยาย" หดหายไปทันที
ความรู้สึกของความเครียดแค้นกลับกลายเป็นความสงสารกับสภาพที่พบเจอ
นายลีเล่าว่า
"ฝั่งนั้นรู้สึกตื่นเต้นมาก กระสับกระส่าย พูดอะไรไม่ออกสักคำ
ผมก็ตกใจมาก
ไม่คิดว่าคนที่เคยวางมาดใหญ่คับฟ้า เอาเปรียบรังแกผมมาตลอด
จะกลายสภาพเป็นแบบนี้
ผมรีบเข้าไปประคองเขา
ผมก็จุกอกจนพูดอะไรไม่ออกเหมือนกัน
หลังจากที่เจอกันแล้ว ผมก็เลยกำชับเลขาให้ส่งแชมเปญและผลไม้เข้าไปให้เขา"
หลังจากนั้นหลายปี
หากถูกถามถึงเรื่องนี้
อะไรทำให้เขาเปลี่ยนใจไปต้อนรับ "ศัตรู" แบบ
"แขกคนสำคัญ"
นายลีแค่ตอบด้วยคำพูดเสียงเบาๆว่า
"เห็นเขาย่ำแย่สุดจะบรรยาย แต่เรากลับสบายดี
ทำใจไม่ได้ที่จะไปซ้ำเติมเขา
เห็นบอกว่า หลังจากกลับไปแล้ว ปีถัดมาเขาก็เสียชีวิตไป"
เขา-ทำธุรกิจแบบเอาเปรียบและไร้จรรยาบรรณ-สุดท้ายก็กลายเป็นคนน่าเวทนา
ผม-ทำธุรกิจด้วยความอดทนและอดกลั้น-ปัจจุบันอยู่ในสภาพดี
ลี กา ชิง บอกว่า
นี่คือผลตอบแทนต่อการกระทำของตัวเราเองสู่ตัวเราเอง มันยุติธรรมแล้ว
บุคคลท่านนี้ถูกนายลีนำไปเป็นตัวอย่างด้านลบในการสั่งสอนคนในครอบครัว
และพนักงานในองค์กร
เป็นคนต้องมีศีลธรรม จงเชื่อมั่นว่า คนเราทำดีต้องได้ดีตอบ
หากทำชั่วบาปกรรมจะติดตัว เราทำอะไรก็ตาม ฟ้าจะเห็นหรือเปล่าก็ไม่อาจทราบได้
แต่คนด้วยกันเห็นแน่นอน สุดท้ายแล้ว ทุกคนก็จะรู้ว่า คุณเป็นคนแบบไหน
คุณทำตัวอย่างไร คุณก็จะได้ผลตอบแทนเช่นนั้นบนเส้นทางชีวิตของคุณเอง
ขอบคุณข้อมูล : "ขจรศักดิ์" แปลและเรียบเรียง
8/7/17
เยี่ยม...
ตอบลบนายลี... คนนี้เป็น คนประหยัดแต่ไม่ขี้เหนียว เขาใส่นาฬิกาเรือนถูกๆ ไม่กี่บาท แต่มาทำงานตรงเวลามากๆ เขาบอกว่า "ถ้าคุณใส่นาฬิกาเรือนแพงๆ แต่ไม่ตรงเวลาจะมีประโยชน์อะไร" !!
ตอบลบเพราะว่าในจิตใจของมนุษย์ทุกคนย่อมมีความดีติดอยู่ในใจ
ตอบลบ